วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566

เงินถูกดูดออกจากบัญชี แจ้งระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็นการชั่วคราวได้

บทความโดยก้องทภพ แก้วศรี

      มีกฎหมายใหม่ออกใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 เมื่อมีเหตุเงินถูกดูดออกจากบัญชี สามารถแจ้งสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็นการชั่วคราวได้ เพื่อการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย คือ พระราชกำหนดมาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 

       และในพระราชกำหนดนี้ ได้บัญญัติความผิดของผู้เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเองหรือเพื่อกิจการของตนที่เกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพทสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน  หรือผู้เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายหมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ด้วย 

       เหตุผลในการประการใช้ เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้วิธีการทางเทคโนโลยีหลอกลวงประชาชนท่ัวไปผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ทำให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมากและผู้หลอกลวงได้โอนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดดังกล่าวนั้นผ่านบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลอื่นต่อไปเป็นทอดๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อปกปิดหรืออำพรางการกระทำความผิด ซึ่งแต่ละวันประชาชนผู้สุจริตถูกหลอกลวงจำนวนมากและมีมูลค่าความเสียหายสูงมาก และการหลอกลวงดังกล่าวซึ่งเป็นการกระทำผิดได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างและเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะต้องมีมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ

        ในพระราชกำหนดนี้ "อาชญากรรมทางเทคโนโลยี" หมายความว่า การกระทำหรือพยายามกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพื่อฉ้อโกง กรรโชก หรือรีดเอาทรัพย์บุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือโดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย หรือกระทำความผิดฐานฉ้อโกง กรรโชก หรือรีดเอาทรัพย์ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ 

       ในพระราชกำหนดนี้ ให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ ระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็นการชั่วคราวไม่เกิน 7 วันนับแต่วันที่พบเหตุสงสัยหรือได้รับแจ้ง ว่าบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ถูกใช้หรืออาจถูกใช้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินฯ  โดยให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ระงับการทำธุรกรรมและแจ้งสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนถัดไป พร้อมทั้งนำข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลฯ เพื่อให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจผู้รับโอนทุกทอดทราบและระงับการทำธุรกรรมดังกล่าวไว้ทันทีชั่วคราว เพื่อตรวจสอบความถูกต้องแท้จริง และแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจดำเนินคดีอาญา หรือเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการตรวจสอบ ถ้าปรากฎพยานหลักฐานอันควรเชื่อ ให้ดำเนินการตามกฎหมายภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการระงับการทำธุรกรรม หรือแจ้งสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ  หากไม่ปราฎพยานหลักฐานที่น่าเชื่อให้แจ้งผลการตรวจสอบ ให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจทราบ เพื่อยกเลิกการระงับการทำธุรรม หรือถ้าพ้นกำหนด 7 วัน แล้วไม่ได้รับแจ้ง ให้ยกเลิกการระงับการทำธุรกรรมนั้น 

        ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ถือบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ สามารถแจ้งให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจว่าได้มีการทำธุรกรรมโดยบัญชีเงินฝากหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์และเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยี  เพื่อให้ระงับการทำธุรกรรมนั้นไว้ชั่วคราว และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมุลฯ เพื้อให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจผู้รับโอนทุกทอดทราบและระงับการทำธุรกรรมดังกล่าวไว้ทันที  และแจ้งให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 72 ชั่วโมง  โดยการร้องทุกข์ จะกระทำต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจแห่งใดในราชอาณาจักรหรือต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีก็ได้ และจะร้องทุกข์โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ 

        ความผิดของผู้เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเองหรือเพื่อกิจการของตนที่เกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพทสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

       ความผิดของผู้เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด  มีโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

       ความผิดของผู้เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายหมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใด แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ มีโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

       ในพระราชกำหนดนี้  ให้การเปิดเผย การแลกเปลี่ยน การเข้าถึง ตลอดจนการเก็บ การรวบรวมหรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่ผู้ได้รับหรือครอบครองข้อมูลจะเปิดเผยให้บุคคลอื่นซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทราบมิได้ 

----------------------------------------------------------

อ้างอิงจาก  

            พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น