บทความโดย ก้องทภพ แก้วศรี
ผู้มีอำนาจทำคำสั่ง จะฟ้องให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ได้หรือไม่
ในกรณีกฎหมายที่ให้อำนาจออกคำสั่งทางปกครอง ไม่ได้กำหนดขั้นตอนอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองไว้ ต้องถือปฏิบัติตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ นั่นคือ ต้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนั้นต่อผู้ทำคำสั่งทางปกครองภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ตนได้รับแจ้งคำสั่ง คำอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือโดยระบุข้อโต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงประกอบด้วย ซึ่งการอุทธรณ์ไม่มีผลเป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง (หมายถึงคำสั่งทางปกครองยังมีผลในการบังคับจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับ ยกเลิกหรือมีคำสั่งให้ทุเลาคำบังคับไว้)
เมื่อผู้ทำคำสั่งทางปกครองได้รับคำอุทธรณ์แล้ว
ต้องพิจารณาคำอุทธรณ์และแจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า กรณีผู้ทำคำสั่งไม่เห็นด้วยกับอุทธรณ์
ให้รายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ชั้นเหนือขึ้นไปตามกฎกระทรวง
แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์
และให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน
หากพิจารณาไม่ทันให้แจ้งผู้อุทธรณ์ก่อนครบกำหนด
มีผลให้ขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ออกไปได้อีกไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบกำหนดดังกล่าว
(มาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙)รวมระยะเวลาในการพิจารณาเป็นจำนวน
๙๐ วัน หากครบกำหนด ๙๐ วันแล้ว ผู้อุทธรณ์ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์
ย่อมเกิดสิทธิฟ้องคดีปกครองได้ภายในกำหนด ๙๐ วันนับแต่วันพ้นกำหนด ๙๐ วัน ตามมาตรา ๔๒ ประกอบมาตรา ๔๙
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒
ในการพิจารณาอุทธรณ์ หากผู้ทำคำสั่งทางปกครองไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ แล้วรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์พิจารณา ผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งเห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ ให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองของผู้มีอำนาจทำคำสั่งทั้งหมด ผู้มีอำนาจทำคำสั่งจะฟ้องคดีปกครอง ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว โดยเห็นว่าคำสั่งทางปกครองของตนเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วได้หรือไม่
ในกรณีนี้มีแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองสุงสุดตามคำสั่งที่ ๖๘๓/๒๕๔๘ ว่า “...แม้ผู้ฟ้องคดีจะไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์และไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดี
ที่ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของผู้ฟ้องคดี
แต่ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นต้นในการออกคำสั่งดังกล่าวก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยและคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดี
ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติ...ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาตามที่กฎหมายกำหนดไว้
เป็นการควบคุมตรวจสอบคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ชั้นต้น โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามกระบวนการอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งทางปกครองที่กฎหมายฉบับที่ให้อำนาจออกคำสั่งทางปกครองบัญญัติไว้
โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการออกคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้นทั้งเรื่อง ดังนั้น
ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นต้นที่ออกคำสั่งทางปกครองซึ่งไม่ใช่ผู้มีสิทธิฟ้องเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์กลับ
แก้ หรือเพิกถอนคำสั่งทางปกครองของตน และโดยนิตินัยผู้ฟ้องคดีมิใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จากคำวินิจฉัยอุทธรณ์...”
ดังนั้น คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ มีผลให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจทำคำสั่งทางปกครองต้องปฏิบัติตาม ไม่สามารถฟ้องขอให้ศาลพิพากษาคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นได้
*********************
ขอขอบคุณ
๑.ภาพจาก https://www.freepik.com/
๒.คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดจาก http://www.admincourt.go.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น