บทความโดย ก้องทภพ แก้วศรี
วรรคสี่ "เมื่อปรากฎกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดกระทำผิดวินัย โดยมีพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยทันที"
วรรคห้า "เมื่อมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้กล่าวหาหรือกรณีเป็นที่ส่งสัยว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดกระทำผิดวินัยโดยยังไม่มีพยานหลักฐาน ให้ผู้บังคับบัญชารีบดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยหรือไม่ ถ้าเห็นว่ากรณีไม่มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยจึงจะยุติเรื่องได้ ถ้าเห็นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยก็ให้ดำเนินการทางวินัยทันที"
การพิจารณาในเบื้องต้น(ตามแนวหนังสือสำนักงาน ก.พ.ที่ นร 1011/ว19 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2547)
1) เมื่อมีการกล่าวหาว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใด ประพฤติหรือปฏฺิบัติไม่ชอบ โดยปรากฎตัวผู้กล่าวหา ผู้บังคับบัญชาควรพิจารณาในเบื้องต้นว่ากรณีตามที่กล่าวหา นั้น ถ้าเป็นความจริง จะเป็นความผิดวินัยตามมาตราใด หรือไม่ ในกรณีที่เห็นว่าตามข้อเท็จจริงที่กล่าวหาไม่อาจปรับบทเป็นความผิดทางวินัย กรณีไม่มีมูลที่จะกล่าวหาผู้นั้นกระทำผิดวินัย ก็ให้ยุติเรื่องได้
2) เมื่อมีการกล่าวหา โดยปรากฎตัวผู้กล่าวหา แต่เป็นการกล่าวหาโดยไม่ระบุพยานหลักฐาน ไม่ชี้ช่องที่จะให้สืบหาพยานหลักฐาน หรือกล่าวหาเลื่อนลอยไม่ระบุกรณีแวดล้อม ผู้บังคับบัญชาควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้กล่าวหา เมื่อสอบถามแล้วไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาในเบื้องต้นเห็นว่า กรณีไม่มีมูลเพียงพอที่จะกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหานั้นกระทำผิดวินัย ก็ให้ยุติเรื่องได้
1) เมื่อมีการกล่าวหาว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใด ประพฤติหรือปฏฺิบัติไม่ชอบ โดยปรากฎตัวผู้กล่าวหา ผู้บังคับบัญชาควรพิจารณาในเบื้องต้นว่ากรณีตามที่กล่าวหา นั้น ถ้าเป็นความจริง จะเป็นความผิดวินัยตามมาตราใด หรือไม่ ในกรณีที่เห็นว่าตามข้อเท็จจริงที่กล่าวหาไม่อาจปรับบทเป็นความผิดทางวินัย กรณีไม่มีมูลที่จะกล่าวหาผู้นั้นกระทำผิดวินัย ก็ให้ยุติเรื่องได้
2) เมื่อมีการกล่าวหา โดยปรากฎตัวผู้กล่าวหา แต่เป็นการกล่าวหาโดยไม่ระบุพยานหลักฐาน ไม่ชี้ช่องที่จะให้สืบหาพยานหลักฐาน หรือกล่าวหาเลื่อนลอยไม่ระบุกรณีแวดล้อม ผู้บังคับบัญชาควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้กล่าวหา เมื่อสอบถามแล้วไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาในเบื้องต้นเห็นว่า กรณีไม่มีมูลเพียงพอที่จะกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหานั้นกระทำผิดวินัย ก็ให้ยุติเรื่องได้
3) เมื่อมีการกล่าวหา โดยปรากฎตัวผู้กล่าวหาและระบุพยานหลักฐาน กรณีแวดล้อมปรากฎชัดแจ้ง หรือเมื่อมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าผู้ใดกระทำผิดวินัย เช่น ผู้บังคับบัญชาตรวจพบพฤติการณ์น่าสงสัย แต่ยังไม่มีพยานหลักฐาน ให้ผู้บังคับบัญชารีบดำเนินการสืบสวน
advertisment
4) เป็นกรณีกล่าวหาโดยไม่ปรากฎตัวผู้กล่าวหา เช่น กล่าวหาโดยบัตรสนเท่ห์ ควรถือปฏฺิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฎิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที นร 0206/ว 218 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2541 คือรับพิจารณาเฉพาะรายที่ระบุพยานหลักฐาน กรณีแวดล้อมปรากฎชัดแจ้ง ตลอดจนชี้พยานบุคคลแน่นอนเท่านั้นและในกรณีที่รับพิจารณาก็ให้ผู้บังคับบัญชารีบดำเนินการสืบสวน
5) กรณีที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาในเบื้องต้นแล้ว สั่งดำเนินการทางวินัยได้ทันที โดยไม่ต้องดำเนินการสืบสวนก่อน ได้แก่ กรณีที่มีการกล่าวหามีพยานหลักฐานในเบื้องต้นส่งประกอบการกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่ส่งสัยว่าผู้ใดกระทำผิดวินัย โดยมีพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว หรือกรณีที่เป็นการกล่าวหาโดยหน่วยงานของรัฐ ซึ่งได้มีการตรวจสอบสืบสวนหรือสอบสวนมาก่อนแล้ว และผู้บังคับบัญชาพิจารณาเห็นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย ก็ให้ดำเนินการทางวินัยได้ทันที
**************************************
ขอขอบคุณ ภาพจากเว็บไซด์ https://www.freepik.com/
ขอขอบคุณ ภาพจากเว็บไซด์ https://www.freepik.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น