บทความโดยก้องทภพ แก้วศรี
สิ้นสุดระยะเวลา ต้องบอกเลิกสัญญาหรือไม่
เมื่อหน่วยงานของรัฐ ถือเป็นหน่วยงานทางปกครอง มีหน้าที่จัดทำบริการสาธารณะ สัญญาจ้างบุคคลมาทำปฏิบัติงานในหน่วยงาน จึงเป็นสัญญาที่หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่ทำแทนรัฐทำกับบุคคลอื่น และมีลักษณะเป็นสัญญาให้จัดทำบริการสาธารณะ ถือเป็นสัญญาทางปกครอง ตามความหมายในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ เมื่อมีข้อพิพาทตามสัญญาดังกล่าว จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว ดังต่อไปนี้
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา ต้องบอกเลิกสัญญา หรือไม่
เรื่องนี้ เป็นกรณีพิพาทขององค์การบริหารส่วนตำบล ที่ทำสัญญาจ้างพนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่งยาม มีกำหนดระยะเวลาจ้าง ๑ ปี สัญญาไม่มีข้อผูกพันว่าเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลง จะมีการต่อสัญญาต่อไป และพนักงานจ้างรายนี้ เคยได้รับการต่อสัญญามา ๒ ครั้ง โดยคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.๔๙๓/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า"...สัญญาจ้างฉบับดังกล่าว เป็นสัญญาที่มีกำหนดระยะเวลาจ้างที่แน่นอน ดังนั้น เมื่อสัญญาจ้างของผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นสัญญาที่มีระยะเวลาจ้างที่แน่นอน ได้สิ้นสุดลงตามที่ได้ทำสัญญาจ้างต่อกันไว้ จึงเป็นกาเลิกจ้างตามสัญญาจ้าง โดยผู้ถูกฟ้องคดี ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด และไม่มีผลผูกพันว่า เมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุด ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องต่อสัญญาจ้างกับผู้ฟ้องคดี ..."
advertisement
ในส่วนของการประเมินผลการปฏิบัติงานที่สัญญากำหนดไว้ให้มีการประเมินนั้น ศาลได้วินิจฉัยว่า "...จะเห็นได้ว่า ข้อ ๔๐ ของประกาศดังกล่าว กำหนดให้มีการประเมินผลงานของพนักงาน เพื่อตรวจสอบว่าผลงานของผู้ปฏิบัติงานของพนักงานจ้างตามภารกิจ และพนักงานจ้างทั่วไปเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของผู้ถูกฟ้องคดีหรือไม่เท่านั้น อีกทั้งยังนำผลการประเมินไปใช้ไม่เฉพาะเพียงการต่อสัญญาจ้างเท่านั้น ยังรวมถึงการเลิกจ้างและการเลื่อนขั้นเงินเดือนอีกด้วย และการต่อสัญญาจ้างยังกำหนดให้ให้ผู้บังคับบัญชาทำความเห็นเสนอนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อสั่งการต่อไป ดังนั้น ในกรณีที่สัญญาจ้างสิ้นสุดแล้ว จะมีการต่อสัญญาจ้างหรือไม่ จึงเป็นอำนาจดุลพินิจของนายกองค์การบริหารส่วนตำบล มิใช่อำนาจผูกพัน อีกทั้งการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ฟ้องคดีดังกล่าว เป็นเพียงเครื่องมือในการบริหารพนักงานภายในฝ่ายปกครอง และนำผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องต่างๆ ดังนั้น แม้ผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ฟ้องคดี ...๒ ครั้ง จะอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับดี...ก็หาได้ผูกพันที่ผู้ถูกฟ้องคดี ต้องต่อสัญญาจ้างกับผู้ฟ้องคดีไม่..."
ข้อสรุปคือ เมื่อสัญญามีกำหนดระยะเวลาจ้าง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา ไม่ต้องบอกเลิกสัญญาจ้าง และไม่ผูกพันให้ต้องต่อสัญญา แม้จะมีผลการประเมินผลการปฏิบัติงานอยู่ในระดับดีก็ตาม
ถ้าสัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลา เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาแล้ว หน่วยงานไม่ได้บอกเลิกสัญญาจ้างและ ลูกจ้างยังคงทำงานต่อไป หน่วยงานรู้แล้วไม่ทักท้วง จะมีผลอย่างไร
มีแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.๔๑๐/๒๕๖๑ วินิจฉัยโดยมีประเด็นดังนี้
๑.เมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดเพราะครบกำหนดระยะเวลา แต่ลูกจ้างยังคงมาทำงาน โดยหน่วยงานไม่ทักท้วง ถือเป็นการต่อสัญญาจ้างใหม่หรือไม่ ศาลพิจารณาเห็นว่า ...ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๑ บัญญัติว่า "ถ้าระยะเวลาที่ได้ตกลงว่าจ้างกันนั้นสุดสิ้นลงแล้ง ลูกจ้างยังคงทำงานอยู่ต่อไปอีกและนายจ้างรู้ดังน้ันก็ไม่ทักท้วงไซร์ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่โดยความอย่างเดียวกันกับสัญญาเดิม.." เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า หลังจากที่ระยะเวลาที่ได้ตกลงว่าจ้างได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ฟ้องคดียังคงมาทำงานอยู่ต่อไปอีก และผู้ถูกฟ้องคดีทราบแล้ว แต่ไม่ได้ทักท้วงการมาปฏิบัติราชการของผู้ฟ้องคดี จึงเข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ว่า "คู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่โดยความอย่างเดียวกันกับสัญญาเดิมที่ได้ทำไว้" กรณีจึงถือได้ว่ามีการต่อสัญญาจ้างกันใหม่แล้ว
๒.ต่อมาผู้ฟ้องคดีไม่ต่อสัญญาจ้างและบอกเลิกจ้างผู้ฟ้องคดี เพราะเหตุมาทำงานสายเกินจำนวนครั้งที่กำหนด โดยสัญญาจ้างสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน แต่ลูกจ้างยังคงมาทำงาน หน่วยงานไม่ทักท้วง แต่นำเรื่องมาสายเกินจำนวนครั้งมาประชุมพิจารณาในวันที่ ๑๒ ตุลาคม จะมีผลเป็นการบอกเลิกจ้างโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลในคดีดังกล่าวพิจารณาเห็นว่า "...เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า...ตามสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี โดยผู้ฟ้องคดีได้เคยผ่านการต่อสัญญาจ้างมาแล้ว ๒ ครั้ง และสัญญาฉบับที่ ๓ ซึ่งเป็นฉบับพิพาทได้สิ้นสุดสัญญาในวันที่ ๓๐ กันยายน แต่คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกและบริหารบุคคลเกี่ยวกับลูกจ้างได้ประชุมเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม เพื่อพิจารณาการต่อหรือไม่ต่อสัญญาจ้างของผู้ฟ้องคดี โดยเห็นว่าผู้ฟ้องคดีมาทำงานสาย ๒๕ ครั้ง ซึ่งเกินจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ จึงมีมติไม่ต่อสัญญาจ้าง เนื่องจากผู้ฟ้องคดีกระทำผิดเงื่อนไขที่จะได้รับการต่อสัญญาจ้าง ดังนั้น การที่ไม่ต่อสัญญาจ้างและบอกเลิกสัญญาจ้าง จึงไม่เป็นการผิดสัญญาจ้าง และเป็นการกระทำที่ชอบแล้ว.."
advertisement
ตามคำพิพากษาทั้งสองคดีดังกล่าว ทำให้ทราบแนวปฏิบัติในเรื่องนี้ คือ สัญญาจ้างลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลา เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา ไม่ต้องบอกเลิกสัญญา และจะไม่ต่อสัญญาก็ได้ เนื่องจากไม่มีข้อผูกพันให้ต่อสัญญาและเป็นการสิ้นสุดตามข้อกำหนดในสัญญา และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาจ้างแล้ว หน่วยงานไม่ต่อสัญญาจ้าง และไม่ได้แจ้งลูกจ้างให้ทราบว่าจะไม่ต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างมาปฏิบัติงานต่อไป หน่วยงานไม่ทักท้วง ตามข้อกฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่ โดยความอย่างเดียวกันกับสัญญาเดิมที่ทำไว้
***************************
ขอขอบคุณ
๑.บทความเรื่อง "ผลการเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า"ที่เผยแพร่ทางเว็บไซด์ http://www.admincourt.go.th เมนูวิชาการ เมนูย่อยอุทาหรณ์จากคดีปกครอง
๒.คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.๔๙๓/๒๕๖๐ จากเว็บไซด์ http://www.admincourt.go.th ๓.ภาพจากเว็บไซด์ https://www.freepik.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น